การศึกษาประสิทธิภาพของการเล่นแบดมินตันกับการพัฒนาสมองส่วนหน้า และทักษะการประสานมือและตาในเด็กสมาธิสั้น โรงพยาบาลสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
วิจารณ์และสรุปผล
ปัจจัยอายุและเพศ ไม่มีผลต่อความสามารถ
ในการเล่นแบดมินตัน
ทักษะการ
ประสานมือและตาในเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นดีขึ้น
การพัฒนาของสมองส่วนหน้าในด้านสมาธิดีขึ้น
การฝึกเล่นกีฬาแบดมินตัน
จับคู่ตีโต้ข้ามตาข่าย
จัดการแข่งขันแบบพบกันหมด
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยแสดงความสามารถที่ได้ผ่านการฝึกฝน
ผู้เข้าร่วมวิจัยฝึกตีโต้กับผู้ฝึกสอน
แบบฝึกทักษะการเคลื่อนที่โดยการวิ่งในรูปแบบต่างๆ
แบบฝึกทักษะการมองการใช้มือ ระบบการรับรู้กล้ามเนื้อ และการทรงท่า
ฝึกวิ่งพร้อมกับตีแบดมินตัน
คนอื่นๆ ที่เหลือจะเป็นผู้ที่คอยเก็บและเรียงลูกแบดมินตันเป็นแถวส่งให้ผู้ฝึกสอนเพื่อรอเวลาตนเองตี
ฝึกการใช้แบคแฮนด์โฟร์แฮนด์ในท่าต่างๆ โดยเพิ่มการตีโต้ให้เร็วขึ้น
ฝึกทักษะการจับไม้แบดมินตันตีลม
ผู้ฝึกสอนปล่อยลูกแบดมินตันให้ผู้เข้าร่วมวิจัยยืนตีลูกแบดมินตันกลับมา
หาผู้ฝึกสอน
ปาลูกแบดมินตันใส่ตะกร้า
เดาะลูกด้วยไม้แบดมินตันต่อเนื่องกันจำนวน 10 ครั้ง
เรียนรู้วิธีการใช้ไม้แบดมินตัน
แบบฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้มือและการมอง
กายบริหารเบื้องต้น
ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาแบดมินตัน
และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นแบดมินตัน
ผลการศึกษา
ประสิทธิภาพของการเล่นแบดมินตันกับการพัฒนาทักษะการประสานมือและตา
ผลการโยน–รับลูกบอลเข้าผนังในเวลา 30 วินาที
หลังเล่นแบดมินตันเท่ากับ 14.34+3.05 ครั้ง
ก่อนเล่นแบดมินตันเท่ากับ 11.40+2.39 ครั้ง
ประสิทธิภาพของการเล่นกีฬาแบดมินตันกับการพัฒนาสมองส่วนหน้า
ผลการทดสอบ Stroopcolor–word
หลังเล่นแบดมินตันเท่ากับ 19.56+3.13 วินาที
ก่อนเล่นแบดมินตันเท่ากับ 17.69+3.25 วินาที
ผลการทดสอบ Stroop color
หลังเล่นแบดมินตันเท่ากับ 22.03+2.68 วินาที
ก่อนเล่นแบดมินตันเท่ากับ 20.28+3.16 วินาที
ผลการทดสอบ Stroop word
หลังเล่นแบดมินตันเท่ากับ 20.84+2.52 วินาที
ก่อนเล่นแบดมินตันเท่ากับ 17.81+3.03 วินาที
ข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมบบำบัดมาก่อนหน้านี
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดรับประทานยา methylphenidate
ผู้ป่วยที่เข้าหลักเกณฑ์ในการศึกษาจำนวน 32 คน
ผู้หญิง 8 คน (25%)
ผู้ชาย 24 คน (75%)
การทดสอบทักษะการประสานมือและตา
การโยนลูกเข้าผนัง
จับเวลา 30 วินาทีและบันทึกจำนวนครั้งที่รับได้
โยนลูกบอลเข้าผนังด้วยมือที่ถนัดและให้รับด้วยมือที่ไม่ถนัด
ผู้เข้าร่วมวิจัยยืนห่างจากผนังเรียบเป็นระยะทาง 2 เมตร
การทดสอบการทำงานของสมองส่วนหน้า
บันทึกข้อมูลโดยวัดเวลาจากการอ่านบัตรคำอย่างถูกต้องจำนวน 25 บัตรคำออกมาเป็นหน่วยเวลา (วินาที)
Stroopcolor–word
พิมพ์คำอ่านด้วยสีที่ไม่ตรงกัน
Stroop color
พิมพ์คำอ่านด้วยสีที่ตรงกัน
Stroop word
พิมพ์คำอ่านด้วยสีดำทั้งหมด
วิธีการวิจัย
การวิจัยในรูปแบบ Pre–test และ Post–test
ประเมินทักษะการประสานมือและตาโดยการโยนรับลูกเข้าผนังก่อนและหลังการฝึกกีฬาแบดมินตัน
เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นและรักษาในโรงพยาบาลสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 32 คน
เกณฑ์การคัดอาสาสมัครเข้าร่วมศึกษา
ได้รับการยินยอมในการเข้าร่วมวิจัยจากผู้ปกครอง
อ่านคำอ่านเกี่ยวกับสีได้
รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
รับยาปรับสมาธิสั้นจนอยู่ในระดับที่ควบคุมอาการได้
ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น
อายุ 7-12 ปี
ช่วงเวลา13.00–14.00
1 ชั่วโมงต่อวัน
แบบทดสอบประเมินการทำงานของสมองสมองส่วนหน้าโดยใช้ Strooptest
การศึกษาเชิงพรรณนาแบบศึกษาที่จุดเวลาใด
เวลาหนึ่ง