พัฒนาของทวีปยุโรป
ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
ทวีปยุโรปเป็นดินแดนที่มีมนุษย์เข้าไปตั้งถิ่นฐานเมื่อประมาณ 10,000 ปีมาแล้ว
ซึ่งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ล้าหลังมาก ต่อมาจึงได้พัฒนาขึ้น
จนกระทั่งสมัยกรีกและโรมันได้สรรค์สร้างวัฒนธรรม
ทางด้านปรัชญา วรรณกรรม ศิลปกรรม และการปกครองเป็นของตนเอง
ที่ตั้งและสภาพทางภูมิศาสตร์ที่มีผล ต่อพัฒนาการของประเทศ
ความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินและการมีแม่น้ำสายต่าง ๆ
รวมทั้งการมีอุณหภูมิที่อบอุ่น
เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาตั้งหลักแหล่ง
ทวีปยุโรปตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ ประกอบด้วยที่ราบลุ่ม ที่ราบสูง เทือกเขา และมีคาบสมุทรจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคาบสมุทร
ประกอบด้วยที่ราบลุ่ม ที่ราบสูง เทือกเขา และมีคาบสมุทรจำนวนมาก
จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคาบสมุทร
พัฒนาด้านเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยม
เศรษฐกิจในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5–11
เป็นระบบเศรษฐกิจแบบแมนเนอร์ (Nanorial System)
เศรษฐกิจของยุโรปขึ้นอยู่กับการเกษตรตามบริเวณลุ่มแม่น้ำ
ซึ่งเป็นเศรษฐกิจเกษตรกรรมแบบพึ่งตัวเอง
พัฒนาการด้านสังคมและวัฒนธรรม
ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมเจริญก้าวหน้าโดยเฉพาะทางความรู้ด้านต่าง ๆ มีการรื้อฟื้นวิทยาการสาขาต่าง ๆ ของกรีกและโรมัน
ทำให้เกิดการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ การประดิษฐ์แท่นพิมพ์ขึ้นใช้ได้ผลเป็นครั้งแรกในยุโรป เมื่อ ค.ศ. 1454
ทำให้มีการอ่านหนังสือกันอย่างกว้างขวาง
เป็นสังคมแมนเนอร์ที่มีปราสาทของขุนนางเป็นศูนย์กลางชุมชน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น
และบาทหลวง และชนชั้นสามัญชน
คือ ชนชั้นปกครองประกอบด้วยกษัตริย์ ขุนนาง
และชนชั้นที่ถูกปกครอง ได้แก่
เสรีชนที่ประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น พ่อค้า เกษตรกร ช่างฝีมือ รวมถึงทาส
กรีกและโรมันเป็นสังคมชนชั้น โดยแบ่งพลเมืองเป็นชนชั้นปกครอง
ได้แก่ ผู้นำทางการเมือง เช่น กษัตริย์ กงสุล จักรพรรดิ รวมถึงทหารและขุนนาง
พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง
แบ่งตามยุคสมัยประวัติศาสตร์เป็น 4 สมัย
คือ
สมัยปัจจุบัน
สมัยใหม่
สมัยกลาง
สมัยโบราณ