Categories: All - สินค้า - รายได้ - ภาษี

by Piyada Oboun 5 years ago

3982

บทที่ 1ความร้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษีอากร

ภาษีอากรเป็นรายได้สำคัญของรัฐบาลที่ใช้ในการพัฒนาประเทศและบริการสาธารณะ ภาษีสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามหลักการต่างๆ เช่น แบ่งตามระดับหน่วยงานที่จัดเก็บ โดยมีหน่วยงานต่างๆ อย่างกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่มีหน้าที่เก็บภาษีต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งตามฐานภาษี เช่น ฐานรายได้ ฐานการบริโภค ฐานทรัพย์สิน และฐานสิทธิพิเศษในการประกอบการ ภาษีอากรยังแบ่งตามมูลค่าหรือสภาพของสินค้า และตามหลักการผลักภาระภาษี ซึ่งแบ่งเป็นภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ความหมายของภาษีคือสิ่งที่รัฐบาลบังคับเก็บจากราษฎรโดยไม่มีสิ่งตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษี แต่เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนรวม โครงสร้างของภาษีอากรมีผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่พิจารณาจากความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์กับประเทศหรือถิ่นที่อยู่ และแหล่งเงินได้

บทที่ 1ความร้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษีอากร

บทที่ 1 ความร้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษีอากร

โครงสร้างของภาษีอากร

6. การบังคับใช้กฎหมายภาษีอากร
5. การขจัดข้อโต้แย้งทางภาษีอากร
4. การประเมินการจัดเก็บภาษี
3. อัตราภาษี
คือ อัตราที่เรียกเก็บจากฐานภาษี

3.3 อัตราถดถอย

3.2 อัตราคงที่

3.1 อัตราก้าวหน้า

2. ฐานภาษี
คือ สิ่งที่เป็นมูลเหตุให้บุคคลต้องเสียภาษี

2.4 ฐานสิทธิพิเศษในการประกอบการ

เช่น ป่าไม้ รังนก

2.3 ฐานการบริโภค

เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม

2.2 ฐานทรัพย์สิน

เช่น ภาษีรถยนต์

2.1 ฐานรายได้

เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
โดยพิจารณาจากความสัมพันธ์กับประเทศ ความสัมพันธ์เกี่ยวกับถิ่นที่อยู่หรือหลักถิ่นที่อยู่ ความสัมพันธ์เกี่ยวกับแหล่งเงินได้หรือหลักแหล่งเงินได้ และความสัมพันธ์เกี่ยวกับสัญชาติ

การจําแนกประเภทภาษี

4. การแบ่งประเภทภาษีตามระดับหน่วยงานที่จัดเก็บ
(3) กระทรวงอื่นๆ

เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม จัดเก็บภาษีค่าภาคหลวงแร่

(2) กระทรวงมหาดไทย

มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น ได้แก่ ภาษีบํารุงท้องที่

(1) กระทรวงการคลัง

กรมศุลกากร เรียกเก็บภาษีจากสิ่งของที่นําเข้ามาหรือสินค้าส่งออก

กรมสรรพสามิต เรียกเก็บภาษีจากสินค้าและบริการเฉพาะอย่าง

กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีอากรจากบุคคลธรรมดา

3. การแบ่งประเภทของภาษีตามมูลค่าหรือสภาพของสินค้า
(2) ภาษีตามสภาพหรือปริมาณ
(1) ภาษีตามมูลค่าหรือราคา
2. การแบ่งประเภทของภาษีตามฐานภาษี
(4) ฐานอื่นๆ จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์เฉพาะในการเก็บภาษีของรัฐบาล
(3) ฐานทรัพย์สิน ภาษีที่เรียกเก็บจากฐานทรัพย์สิน
(2) ฐานการบริโภค ภาษีที่เรียกเก็บจากฐานบริโภค
(1) ฐานรายได้ ภาษีที่เรียกเก็บจากฐานรายได้
1. การแบ่งประเภทของภาษีอากรตามหลักการผลักภาระภาษี
(2) ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่ผู้เสียภาษีไม่จําเป็นต้องแบกรับภาระ ภาษีไว้เอง สามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้อื่นได้ง่าย
(1) ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่ผู้เสียภาษีต้องแบกรับภาระภาษีไว้เอง ไม่สามารถผลักภาระภาษีให้ผู้อื่นได้

ลักษณะของภาษีอากรที่ดี

7. หลักความยืดหยุ่น
ภาษีอากรที่ดีในบางสถานการณ์ต้องมีการปรับปรุง ยืดหยุ่น ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ
6. หลักอํานวยรายได้
ภาษีอากรที่เก็บได้ควรจัดเก็บให้มากเพียงพอกับรายจ่ายของรัฐบาล
5. หลักความเป็นกลางทางเศรษฐกิจ
ภาษีอากรจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงการบริโภค การออม
4. หลักความมีประสิทธิภาพ
การจัดเก็บภาษีอากรที่มีประสิทธิภาพต้องก่อให้เกิดการประหยัด รายจ่ายมากที่สุดทั ้งทางด้านผู้จัดเก็บและผู้เสียภาษ
3. หลักความสะดวก
ภาษีทุกชนิดควรสะดวกและง่ายในการปฏิบัติกับผู้เก็บภาษีและผู้เสียภาษี
2. หลักความแน่นอน ชัดเจน
ภาษีอากรต้องมีความแน่นอน ชัดเจนในกฎหมาย ระเบียบวิธี ปฏิบัติ
1. หลักความเป็นธรรม
1.2 ความเป็นธรรมในแนวตั้ง คือ การพิจารณาถึงความสามารถในการเสียภาษีอากรของประชาชนแต่ละคน
1.1 ความเป็นธรรมในแนวนอน คือ ทุกคนต้องเสียภาษีคนละเท่าๆกัน ไม่ว่าจะมีรายได้มากหรือน้อยเพียงใด

วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร

5. เพื่อสนองนโยบายบางประการของรัฐบาล
4. เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
3. เพื่อการกระจายรายได้และทรัพย์สินให้เป็นธรรม
2. เพื่อควบคุมและส่งเสริมพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ
1. เพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในกิจการของรัฐ

ความหมายของภาษีอากร

หมายถึง สิ่งที่รัฐบาลบังคับเก็บจากราษฎร โดยมิได้มีสิ่งตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษีอากร แต่นําไปใช้เพื่อประโยชน์โดยส่วนรวม